สมัคร เรียนต่อ Australia #Sydney ทำอย่างไร?

การเรียนรู้ภาษาอังกฤษเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งในการหาประสบการณ์ในต่างแดน ที่เราจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไม่ใช่แค่ภาษา จะได้เรียนวัฒนธรรม ธรรมเนียม และแนวความคิดที่แตกต่าง

สำหรับประเทศออสเตรเลียที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากประเทศไทย และเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าในหลายๆ ด้าน  การไป เรียนต่อ Australia จะได้พบกับประสบการณ์ชีวิตใหม่ๆ เรียนรู้การแก้ไขปัญหา ได้เพื่อนใหม่จากหลายๆ ประเทศ เพียงเรากล้าที่จะตัดสินใจก้าวไปข้างหน้า

 

เรียนต่อ Sydney ที่ Australia ดีมั้ย ?

เมืองไหนในประเทศออสเตรเลียที่ใครๆ เขาเลือกไปเรียนต่อ ซึ่งซิดนีย์ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่คนนิยมกันมาก มีเหตุผลหลักเพราะ ซิดนีย์หางาน Part – time ทำง่ายได้หลากหลาย และมีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะไม่ว่าจะทางธรรมชาติ หรือแสงสียามราตรี ไม่มีคำว่าเหงากันเลย ที่สำคัญที่สุดเรื่องอาหารการกิน มีให้เลือกเยอะหลายชาติหลายเมนู ร้านอาหารไทยในซิดนีย์ส่วนมากปิดเที่ยงคืน แตกต่างจากเมืองอื่นๆ ใน ออสเตรเลียที่จะปิดค่อนข้างเร็ว ถ้าไม่เตรียมตัวดี ก็มีสิทธิ์ท้องแห้งกันได้เลย สรุปได้ว่าถ้าใครต้องการทำงานไปด้วย ซิดนีย์เป็นคำตอบที่ดีที่สุดทีเดียว

หลักสูตรที่นิยม เรียนต่อ Australia

  1. หลักสูตรภาษาอังกฤษทั่วไป(General English) เป็นการสอนภาษาอังกฤษ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับนักเรียนที่ต้องการเข้าศึกษาต่อประเทศออสเตรเลีย ซึ่งทุกคนที่มาเรียนต่อออสเตรเลียต้องเรียนภาษาเสียก่อน ดังนั้นทำให้มี โรงเรียนภาษาเปิดสอนมากมาย
  2. หลักสูตรระดับ Certificate และ Diplomaเป็นหลักสูตรระยะสั้น เหมาะสำหรับผู้จบมัธยมศึกษาปีที่ 6 แล้วไม่ต้องการต่อมหาวิทยาลัย สนใจจะต่อด้านอาชีพ มีหลากหลักสูตร
  3. หลักสูตรระดับMaster Degree, Doctor Degreeเป็นการศึกษาระดับปริญญาโท และปริญญาเอก
ภาพจาก Welcome City of Sydney 2015

การเรียนต่อในตั้งแต่ ระดับ Certificate และ Diploma ขึ้นไปนั้น ต้องเรียนปรับภาษา เพื่อให้พร้อมสำหรับการเรียนเนื้อหาในหลักสูตรนั้นๆ  ดังนั้น นักเรียนจะได้รับการแนะนำให้ลงเรียน  General English เสียก่อน ซึ่งหลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรที่สำคัญที่เป็นพื้นฐานการสื่อสารในชีวิตประจำวันในสถานการณ์ต่างๆ อย่างเช่น การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน  การใช้คำศัพท์ต่างๆ หลักไวยากรณ์ และการออกเสียงที่ถูกต้อง ซึ่งมีความจำเป็น เป็นอย่างมากที่ออกไปใช้ชีวิตและท่องเที่ยวอย่างมั่นใจ  ดังนั้น นักเรียนจะได้รับการแนะนำให้ลงเรียน  General English เสียก่อน มีด้วยกันถึง 6 ระดับ โดยแต่ระดับจะ ดังนี้

  1. Beginner เทียบได้กับชั้นอนุบาล สำหรับเริ่มต้นเรียนรู้ภาษาอังกฤษ เรียนรู้คำศัพท์ง่ายๆ และบทสนทนาที่จำเป็นต่อการในชีวิตประจำวัน
  2. Elementary  สำหรับคนที่เริ่มสื่อสารได้แล้ว จะได้เรียนรู้คำศัพท์ที่หลากหลายมากขึ้น เรียนรู้การไวยากรณ์เบื้องต้นที่จำเป็น ฝึกภาษาอังกฤษในการท่องเที่ยว
  3. Pre-Intermediate เป็นการเรียนใช้ภาษาแบบซับซ้อนขึ้น  เช่น การฝึกฝนการอ่านบทความต่างๆ ที่หลากหลาย และ การเขียนเล่าเรื่องราวต่างๆ
  4. Intermediate เป็นการเรียนเพื่อสื่อสารภาษาอังกฤษอย่างแท้จริง การแสดงความคิดเห็นในการสนทนา  ใช้ภาษาอังกฤษขั้นสุภาพ ฝึกใช้ไวยากรณ์ให้ถูกต้อง และมีคำศัพท์มากขึ้น เป็นต้น
  5. Upper-Intermediate เป็นการเรียนที่เน้นทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน โดยจะเน้นฝึกการเขียนระดับสูง พัฒนาทักษะยากขึ้น เพื่อการทำงานหรือการเตรียมตัวสมัครสอบเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย
  6. Advanced การเรียนระดับนี้ต้องสามารถใช้ภาษาสื่อสารได้อย่างมั่นใจและชัดเจน สามารถพูดออกมาแบบธรรมชาติ และเป็นทางการได้อย่างดี
เรียนต่อ Australia ดีมั้ย ?
ภาพจาก Australian Catholic University Blogs

 

Sydney เป็นเมืองที่มีโรงเรียนภาษาเยอะมาก (ถึงมากที่สุด) พร้อมให้คุณได้เลือก อีกทั้งบางโรงเรียนเปิดสอนถึงขั้น Diploma เลยก็มี มีนักเรียนต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลกมาเรียนที่ซิดนีย์ก็ว่าได้ จะเห็นได้ว่ามีภาษาอังกฤษหลากหลายคอร์สให้เลือกเรียนได้  ที่น่าสนใจนักเรียนสามารถเรียนภาษาอังกฤษ และทำงานหลังเลิกเรียน ได้อีกด้วย

ขั้นตอนการสมัครเรียน – ยื่นวีซ่า เบื้องต้น

1.การค้นหาข้อมูลและขอคำปรึกษาจากบริษัทตัวแทน หรือที่เรียกว่า Agency โดยจะให้ข้อมูลต่างๆ เช่นประเภทคอร์สเรียนต่างๆ  ราคา ที่อยู่โรงเรียน การจัดการขั้นตอนการดำเนินเรื่องต่างๆ  ทั้งนี้จะช่วยเลือกโรงเรียนที่ตรงความต้องการของนักเรียน เพื่อให้ได้คอร์สเรียนที่เหมาะสม แล้วจะเลือก Agency ที่ไหนดี?

2.การสมัครเรียน ทางเอเยนต์จะแจ้งเอกสารที่ต้องใช้ในการสมัครเรียนให้ทราบ ซึ่งบางครั้งในแต่ละปีอาจมีการปรับเปลี่ยนกฎไม่เหมือนกัน

3.เมื่อจะได้ใบตอบรับจากทางโรงเรียน Letter of Offer คล้ายกับเป็นใบเสร็จรับเงิน ซึ่งเอกสารนี้สำคัญมากที่จะยื่นขอวีซ่า

4.ชำระค่าเรียนและค่าวีซ่า

5.ได้รับใบยืนยันการตอบรับจากทางสถาบัน COE (Confirmation of Enrollment)

6.จากนี้ถึงขั้นยื่นขอวีซ่า! ซึ่งเอกสารที่ใช้เยอะ และซับซ้อน เช่น หนังสือเดินทางเอกสารการศึกษา จดหมายรับรองการทำงาน บัญชีธนาคารทะเบียนบ้าน รูปถ่าย และอื่นๆ

7.การตรวจสุขภาพ หลังจากเอกสารผ่านการพิจารณาเรียบร้อยภายใน 7 วัน ทางสถานทูตจะแจ้งให้เราไปตรวจร่างกายกับโรงพยาบาลที่สถานทูตกำหนด

8.รอผลวีซ่า รอฟังผลประมาณ 15 วัน โดยประมาณ ช่วงนี้ก็สวดมนต์ทำสมาธิกันไป

9.วีซ่าออกแล้วจ้า

ข้อควรระวัง 

  • ควรพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะวันไปตรวจจะต้องมีสภาพร่างกายแข็งแรง
  • ไม่ทานยาปฏิชีวนะต่างๆ
  • ไม่ดื่มน้ำหวานหรือน้ำอัดลม
  • สำหรับผู้หญิงต้องรอให้หมดประจำเดือน

เอกสารประกอบการขอวีซ่านักเรียน (เบื้องต้น)

  1. แบบฟอร์มการขอยื่นวีซ่าจากสถานทูต  157A
  2. หนังสือเดินทาง (Passport)
  3. สำเนาบัตรประชาชน ตัวจริงและพร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง (แปลอังกฤษ)
  4.  สำเนาทะเบียนบ้าน ตัวจริงและพร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง (แปลอังกฤษ)
  5. หลักฐานทางด้านการศึกษา เช่น ใบปริญญาบัตร และใบประมวลผลการศึกษา (Transcript)  หรือ หนังสือรับรองสถานะนักศึกษา
  6. หลักฐานทางด้านการทำงาน เช่น หนังสือรับรองการทำงานหนังสือรับรองการทำงาน แปลเป็นภาษาอังกฤษ
  7. หลักฐานทางด้านการเงิน เช่น หนังสือรับรองฐานะการเงินจากธนาคาร (Bank Statement) ย้อนหลัง 6 เดือน หนังสือที่ยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขอวีซ่าและผู้สนับสนุนทางการเงิน
  8. หลักฐานการยืนยันการลงทะเบียน
  9. หลักฐานการจ่ายค่าประกันสุขภาพของนักเรียน  (Overseas Student Health Cover – OSHC)
  10. รูปถ่ายหน้าตรงสีหรือขาวดำขนาด 2 นิ้ว 3 ใบ ฉากหลังเป็นพื้นสีขาวเท่านั้น ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน

 

เมื่อได้วีซ่าผ่านแล้ว อย่างหนึ่งที่นักเรียนควรรู้ว่า ตัวเองนั้นถือวีซ่านักเรียนแบบไหน เพราะประเทศออสเตรเลียมีวีซ่านักเรียนหลายประเภท ซึ่งขึ้นอยู่กับหลักสูตรที่นักเรียนเลือกไปศึกษา

ประเภทของวีซ่านักเรียนที่ควรรู้

วีซ่านักเรียนที่ออสเตรเลีย แบ่ง Subclass ของวีซ่านักเรียนมี 3 ประเภท ที่เกี่ยวกับนักเรียนทั่วไปใช้กัน (ค้นหาเพิ่มเติมได้ที่  www.immi.gov.au)

  1. Subclass 570 เรียนภาษา ลงเรียนหลักสูตรเรียนภาษาอังกฤษอย่างเดียว
  2. Subclass 572  เรียนระดับ Diploma ลงเรียนภาษาและเรียนต่อด้วย Diploma หรือ ลงเรียนดิปโพลอย่างเดียว
  3. Subclass 573 เรียนระดับ High Education ลงเรียนระดับมหาวิทยาลัย หรือ ลงภาษาหลักสูตรเรียนภาษาอังกฤษก่อน

Subclass ไหนดี 

การยื่นวีซ่าแบบ Subclass 573   เหมาะสำหรับนักเรียนที่ต้องการมาเรียนจริงๆ  การเรียนเข้มข้นและรายงานเยอะมากเช่นกัน  ค่าเทอมสำหรับเรียนมหาลัยแพงมาก ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นการทำงานหาเงินไปด้วย แต่ก็เป็นที่นิยมสำหรับนักเรียนไทยเพราะด้วยเหตุที่ว่า การขอวีซ่านั้นง่าย เตรียมเอกสารน้อย และไม่ต้องยื่นใช้ Bank Statement (ยกเว้นบางกรณีที่อิมเกรนชั่นจะขอตรวจ) ทำให้นักเรียนไทยต้องการเลี่ยงหลักฐานทางการเงิน 

การยื่นวีซ่าแบบ Subclass 572 การยื่นวีซ่าแบบนี้ สำหรับค่าเทอมนั้นถูกกว่าเรียนมหาลัยเกินกว่าครึ่งเลยทีเดียว และจ่ายทีละเทอม เรียนก็ไม่หนักเท่าเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งเมื่อเรียนจบหลักสูตรภาษาแล้ว ก็สามารถเรียนเทอมแรกของ Diploma ได้เลย แต่ขั้นตอนการขอวีซ่าจะซับซ้อน และถูกเพ่งเล็งจากอิมฯเป็นพิเศษ

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ 

เคล็ดไม่ลับ เดินทางใน Sydney อย่างฉลาด

 

เตรียมตัว เรียน ต่าง ประเทศ #อย่างไรไม่ให้โดนหลอก