การเรียนรู้ภาษาอังกฤษเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งในการหาประสบการณ์ในต่างแดน ที่เราจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไม่ใช่แค่ภาษา จะได้เรียนวัฒนธรรม ธรรมเนียม และแนวความคิดที่แตกต่าง
สำหรับประเทศออสเตรเลียที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากประเทศไทย และเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าในหลายๆ ด้าน การไป เรียนต่อ Australia จะได้พบกับประสบการณ์ชีวิตใหม่ๆ เรียนรู้การแก้ไขปัญหา ได้เพื่อนใหม่จากหลายๆ ประเทศ เพียงเรากล้าที่จะตัดสินใจก้าวไปข้างหน้า
เรียนต่อ Sydney ที่ Australia ดีมั้ย ?
เมืองไหนในประเทศออสเตรเลียที่ใครๆ เขาเลือกไปเรียนต่อ ซึ่งซิดนีย์ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่คนนิยมกันมาก มีเหตุผลหลักเพราะ ซิดนีย์หางาน Part – time ทำง่ายได้หลากหลาย และมีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะไม่ว่าจะทางธรรมชาติ หรือแสงสียามราตรี ไม่มีคำว่าเหงากันเลย ที่สำคัญที่สุดเรื่องอาหารการกิน มีให้เลือกเยอะหลายชาติหลายเมนู ร้านอาหารไทยในซิดนีย์ส่วนมากปิดเที่ยงคืน แตกต่างจากเมืองอื่นๆ ใน ออสเตรเลียที่จะปิดค่อนข้างเร็ว ถ้าไม่เตรียมตัวดี ก็มีสิทธิ์ท้องแห้งกันได้เลย สรุปได้ว่าถ้าใครต้องการทำงานไปด้วย ซิดนีย์เป็นคำตอบที่ดีที่สุดทีเดียว
หลักสูตรที่นิยม เรียนต่อ Australia
- หลักสูตรภาษาอังกฤษทั่วไป(General English) เป็นการสอนภาษาอังกฤษ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับนักเรียนที่ต้องการเข้าศึกษาต่อประเทศออสเตรเลีย ซึ่งทุกคนที่มาเรียนต่อออสเตรเลียต้องเรียนภาษาเสียก่อน ดังนั้นทำให้มี โรงเรียนภาษาเปิดสอนมากมาย
- หลักสูตรระดับ Certificate และ Diplomaเป็นหลักสูตรระยะสั้น เหมาะสำหรับผู้จบมัธยมศึกษาปีที่ 6 แล้วไม่ต้องการต่อมหาวิทยาลัย สนใจจะต่อด้านอาชีพ มีหลากหลักสูตร
- หลักสูตรระดับMaster Degree, Doctor Degreeเป็นการศึกษาระดับปริญญาโท และปริญญาเอก
การเรียนต่อในตั้งแต่ ระดับ Certificate และ Diploma ขึ้นไปนั้น ต้องเรียนปรับภาษา เพื่อให้พร้อมสำหรับการเรียนเนื้อหาในหลักสูตรนั้นๆ ดังนั้น นักเรียนจะได้รับการแนะนำให้ลงเรียน General English เสียก่อน ซึ่งหลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรที่สำคัญที่เป็นพื้นฐานการสื่อสารในชีวิตประจำวันในสถานการณ์ต่างๆ อย่างเช่น การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน การใช้คำศัพท์ต่างๆ หลักไวยากรณ์ และการออกเสียงที่ถูกต้อง ซึ่งมีความจำเป็น เป็นอย่างมากที่ออกไปใช้ชีวิตและท่องเที่ยวอย่างมั่นใจ ดังนั้น นักเรียนจะได้รับการแนะนำให้ลงเรียน General English เสียก่อน มีด้วยกันถึง 6 ระดับ โดยแต่ระดับจะ ดังนี้
- Beginner เทียบได้กับชั้นอนุบาล สำหรับเริ่มต้นเรียนรู้ภาษาอังกฤษ เรียนรู้คำศัพท์ง่ายๆ และบทสนทนาที่จำเป็นต่อการในชีวิตประจำวัน
- Elementary สำหรับคนที่เริ่มสื่อสารได้แล้ว จะได้เรียนรู้คำศัพท์ที่หลากหลายมากขึ้น เรียนรู้การไวยากรณ์เบื้องต้นที่จำเป็น ฝึกภาษาอังกฤษในการท่องเที่ยว
- Pre-Intermediate เป็นการเรียนใช้ภาษาแบบซับซ้อนขึ้น เช่น การฝึกฝนการอ่านบทความต่างๆ ที่หลากหลาย และ การเขียนเล่าเรื่องราวต่างๆ
- Intermediate เป็นการเรียนเพื่อสื่อสารภาษาอังกฤษอย่างแท้จริง การแสดงความคิดเห็นในการสนทนา ใช้ภาษาอังกฤษขั้นสุภาพ ฝึกใช้ไวยากรณ์ให้ถูกต้อง และมีคำศัพท์มากขึ้น เป็นต้น
- Upper-Intermediate เป็นการเรียนที่เน้นทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน โดยจะเน้นฝึกการเขียนระดับสูง พัฒนาทักษะยากขึ้น เพื่อการทำงานหรือการเตรียมตัวสมัครสอบเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย
- Advanced การเรียนระดับนี้ต้องสามารถใช้ภาษาสื่อสารได้อย่างมั่นใจและชัดเจน สามารถพูดออกมาแบบธรรมชาติ และเป็นทางการได้อย่างดี
Sydney เป็นเมืองที่มีโรงเรียนภาษาเยอะมาก (ถึงมากที่สุด) พร้อมให้คุณได้เลือก อีกทั้งบางโรงเรียนเปิดสอนถึงขั้น Diploma เลยก็มี มีนักเรียนต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลกมาเรียนที่ซิดนีย์ก็ว่าได้ จะเห็นได้ว่ามีภาษาอังกฤษหลากหลายคอร์สให้เลือกเรียนได้ ที่น่าสนใจนักเรียนสามารถเรียนภาษาอังกฤษ และทำงานหลังเลิกเรียน ได้อีกด้วย
ขั้นตอนการสมัครเรียน – ยื่นวีซ่า เบื้องต้น
1.การค้นหาข้อมูลและขอคำปรึกษาจากบริษัทตัวแทน หรือที่เรียกว่า Agency โดยจะให้ข้อมูลต่างๆ เช่นประเภทคอร์สเรียนต่างๆ ราคา ที่อยู่โรงเรียน การจัดการขั้นตอนการดำเนินเรื่องต่างๆ ทั้งนี้จะช่วยเลือกโรงเรียนที่ตรงความต้องการของนักเรียน เพื่อให้ได้คอร์สเรียนที่เหมาะสม แล้วจะเลือก Agency ที่ไหนดี?
2.การสมัครเรียน ทางเอเยนต์จะแจ้งเอกสารที่ต้องใช้ในการสมัครเรียนให้ทราบ ซึ่งบางครั้งในแต่ละปีอาจมีการปรับเปลี่ยนกฎไม่เหมือนกัน
3.เมื่อจะได้ใบตอบรับจากทางโรงเรียน Letter of Offer คล้ายกับเป็นใบเสร็จรับเงิน ซึ่งเอกสารนี้สำคัญมากที่จะยื่นขอวีซ่า
4.ชำระค่าเรียนและค่าวีซ่า
5.ได้รับใบยืนยันการตอบรับจากทางสถาบัน COE (Confirmation of Enrollment)
6.จากนี้ถึงขั้นยื่นขอวีซ่า! ซึ่งเอกสารที่ใช้เยอะ และซับซ้อน เช่น หนังสือเดินทางเอกสารการศึกษา จดหมายรับรองการทำงาน บัญชีธนาคารทะเบียนบ้าน รูปถ่าย และอื่นๆ
7.การตรวจสุขภาพ หลังจากเอกสารผ่านการพิจารณาเรียบร้อยภายใน 7 วัน ทางสถานทูตจะแจ้งให้เราไปตรวจร่างกายกับโรงพยาบาลที่สถานทูตกำหนด
8.รอผลวีซ่า รอฟังผลประมาณ 15 วัน โดยประมาณ ช่วงนี้ก็สวดมนต์ทำสมาธิกันไป
9.วีซ่าออกแล้วจ้า
ข้อควรระวัง
- ควรพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะวันไปตรวจจะต้องมีสภาพร่างกายแข็งแรง
- ไม่ทานยาปฏิชีวนะต่างๆ
- ไม่ดื่มน้ำหวานหรือน้ำอัดลม
- สำหรับผู้หญิงต้องรอให้หมดประจำเดือน
เอกสารประกอบการขอวีซ่านักเรียน (เบื้องต้น)
- แบบฟอร์มการขอยื่นวีซ่าจากสถานทูต 157A
- หนังสือเดินทาง (Passport)
- สำเนาบัตรประชาชน ตัวจริงและพร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง (แปลอังกฤษ)
- สำเนาทะเบียนบ้าน ตัวจริงและพร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง (แปลอังกฤษ)
- หลักฐานทางด้านการศึกษา เช่น ใบปริญญาบัตร และใบประมวลผลการศึกษา (Transcript) หรือ หนังสือรับรองสถานะนักศึกษา
- หลักฐานทางด้านการทำงาน เช่น หนังสือรับรองการทำงานหนังสือรับรองการทำงาน แปลเป็นภาษาอังกฤษ
- หลักฐานทางด้านการเงิน เช่น หนังสือรับรองฐานะการเงินจากธนาคาร (Bank Statement) ย้อนหลัง 6 เดือน หนังสือที่ยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขอวีซ่าและผู้สนับสนุนทางการเงิน
- หลักฐานการยืนยันการลงทะเบียน
- หลักฐานการจ่ายค่าประกันสุขภาพของนักเรียน (Overseas Student Health Cover – OSHC)
- รูปถ่ายหน้าตรงสีหรือขาวดำขนาด 2 นิ้ว 3 ใบ ฉากหลังเป็นพื้นสีขาวเท่านั้น ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน
เมื่อได้วีซ่าผ่านแล้ว อย่างหนึ่งที่นักเรียนควรรู้ว่า ตัวเองนั้นถือวีซ่านักเรียนแบบไหน เพราะประเทศออสเตรเลียมีวีซ่านักเรียนหลายประเภท ซึ่งขึ้นอยู่กับหลักสูตรที่นักเรียนเลือกไปศึกษา
ประเภทของวีซ่านักเรียนที่ควรรู้
วีซ่านักเรียนที่ออสเตรเลีย แบ่ง Subclass ของวีซ่านักเรียนมี 3 ประเภท ที่เกี่ยวกับนักเรียนทั่วไปใช้กัน (ค้นหาเพิ่มเติมได้ที่ www.immi.gov.au)
- Subclass 570 เรียนภาษา ลงเรียนหลักสูตรเรียนภาษาอังกฤษอย่างเดียว
- Subclass 572 เรียนระดับ Diploma ลงเรียนภาษาและเรียนต่อด้วย Diploma หรือ ลงเรียนดิปโพลอย่างเดียว
- Subclass 573 เรียนระดับ High Education ลงเรียนระดับมหาวิทยาลัย หรือ ลงภาษาหลักสูตรเรียนภาษาอังกฤษก่อน
Subclass ไหนดี
การยื่นวีซ่าแบบ Subclass 573 เหมาะสำหรับนักเรียนที่ต้องการมาเรียนจริงๆ การเรียนเข้มข้นและรายงานเยอะมากเช่นกัน ค่าเทอมสำหรับเรียนมหาลัยแพงมาก ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นการทำงานหาเงินไปด้วย แต่ก็เป็นที่นิยมสำหรับนักเรียนไทยเพราะด้วยเหตุที่ว่า การขอวีซ่านั้นง่าย เตรียมเอกสารน้อย และไม่ต้องยื่นใช้ Bank Statement (ยกเว้นบางกรณีที่อิมเกรนชั่นจะขอตรวจ) ทำให้นักเรียนไทยต้องการเลี่ยงหลักฐานทางการเงิน
การยื่นวีซ่าแบบ Subclass 572 การยื่นวีซ่าแบบนี้ สำหรับค่าเทอมนั้นถูกกว่าเรียนมหาลัยเกินกว่าครึ่งเลยทีเดียว และจ่ายทีละเทอม เรียนก็ไม่หนักเท่าเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งเมื่อเรียนจบหลักสูตรภาษาแล้ว ก็สามารถเรียนเทอมแรกของ Diploma ได้เลย แต่ขั้นตอนการขอวีซ่าจะซับซ้อน และถูกเพ่งเล็งจากอิมฯเป็นพิเศษ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เคล็ดไม่ลับ เดินทางใน Sydney อย่างฉลาด
เตรียมตัว เรียน ต่าง ประเทศ #อย่างไรไม่ให้โดนหลอก