การได้มาต่างประเทศไม่ว่าจะมาเรียนต่อ ทำงาน หรือ ท่องเที่ยว ต่างเป็นประสบการณ์ที่ใครหลายคนฝันไว้สักครั้งในชีวิตต้องมาสัมผัส บรรยากาศเมืองนอกให้ได้ ยิ่งได้ยินการบอกเล่าถึงรายได้จากการทำงานพิเศษเป็นแสนๆ ต่อเดือน
โอ้ว…นั้นยิ่งทำให้อยากมา รีบเก็บกระเป๋าขึ้นเครื่องกันมาเลยทีเดียว โดยอาจไม่ได้ศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบว่า เรียน ต่าง ประเทศ นั้นเป็นเช่นไร แต่กระนั้นก็เป็นเรื่องค่อนข้างยาก เพราะข้อมูลบางอย่างไม่มีในหนังสือ หรือตำราใดๆ
เม้าส์ก่อนมา เรียน ต่าง ประเทศ ออสเตรเลีย
นานาเรื่องเล่าประสบการณ์ของเพื่อนๆ คนไทย ในซิดนีย์ ออสเตรเลีย ที่ยิ่งกว่าเรื่องจริงผ่านจอ จะยกตัวอย่างปัญหาเบื้องต้นที่มักพบกัน เพื่อเตรียมความพร้อมอย่างฉลาดก่อนมาหาประสบการณ์ที่ออสเตรเลีย
ไม่มีเงิน statement ในการขอวีซ่า
ปัญหาระดับภูเขาไฟระเบิดเลยทีนี้ ด้วยกฎการยื่นขอวีซ่า ต้องมีเอกสารแสดงบัญชีธนาคาร (Bank statement) ทำอย่างไรกันละทีเนี้ย นี้เป็นปัญหาสำหรับนักเรียนไทยระดับต้นๆ กับนักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อระดับปริญญาตรี หรือ ระดับปริญญาโท ที่จะต้องแสดงบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน
ทำให้เอเยนต์บางแห่งใช้วิธีให้นักเรียนยื่นเรื่องทำวีซ่าเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย (วีซ่า Subclass 573) เพื่อให้วีซ่าผ่านก่อนนั้น จากนั้นจึงค่อยให้มาเปลี่ยนสถาบันเรียนที่ถูกลงและเรียนง่ายกว่า คลิกอ่านประเภทของวีซ่าได้ที่นี่
*วีซ่าเรียนมหาวิทยาลัย ไม่ต้องแสดงบัญชีธนาคาร
การเปลี่ยนหลักสูตรจึงเป็นกลเม็ด อย่างหนึ่งที่ใช้กันสำหรับวิธีข้างต้นนี้ มีนักเรียนไทยที่ไม่รู้เงื่อนไขและรายละเอียดบางจุด ทำให้เมื่อมาถึงออสเตรเลียแล้ว สักพักอาจจะพบความเซอร์ไพร์บางประการ จริงอยู่การเปลี่ยนคอร์สเรียนทำได้แต่…!
– เอเยนต์บางแห่งกล่อมให้นักเรียนไทยเข้าใจว่า ได้วีซ่าเรียนหลักสูตรมหาวิทยาลัยก่อน แล้วค่อยมาเปลี่ยนคอร์สเรียนที่นี่ แล้วเป็นเรื่องง่ายๆ ใครๆ ก็ทำกัน นั้นอาจจริงสำหรับเมื่อก่อน ปัจจุบัน (2017) ทางอิมมิเกรชั่นได้ตามกลวิธีแบบนี้ทันแล้วนะ
– การเปลี่ยนโรงเรียน ต้องทำอย่างไร นั่นคือ ต้องขอยกเลิกวีซ่าตัวปัจจุบันนั้น แล้วทำเรื่องต่อวีซ่าใหม่ ซึ่งความเป็นจริงการเปลี่ยนโรงเรียนหรือหลักสูตรก่อนเรียนเป็นเรื่องใหญ่ โดยทั่วไปโรงเรียนจะไม่ยอมให้นักเรียนย้ายโรงเรียนในช่วงหกเดือนแรก
– เมื่อมาถึงจุดเปลี่ยนจะเป็นอย่างไร? เพื่อความแนบเนียนทางเอเยนต์จะแนะนำให้ไปลงเรียนในระดับมหาวิทยาลัยไปก่อน (เพราะเขาจะไม่ให้เปลี่ยน หรือ ลาออกจากโรงเรียนกันง่ายๆ นะซิ) เพื่อที่จะนำมาเป็นข้ออ้างให้แก่ทางอิมมิเกรชั่นว่าไม่สามารถเรียนได้เนื้อหายากเกินไป จึงขอไปเรียนในระดับที่เหมาะกับนักเรียนมากกว่านี้ ฟังดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่เดี๋ยวก่อน เราลองคำนวณค่าใช้จ่ายโดยประมาณ
ค่าต่อวีซ่าภาษารอบแรก 5,000 Dollars (ระยะเวลาเรียนภาษา 3 – 6 เดือน)
ต้องไปเรียนมหาลัยเทอมแรก ค่าเรียน 4,000 Dollars (1 เทอม/ 3 เดือน) ในระหว่างนี้ก็ต้องไปเรียนอย่างเลี่ยงไม่ได้
หลังยกเลิกวีซ่า แล้วต่อวีซ่าตัวใหม่ 5,000 Dollars
สรุปค่าใช้จ่ายโดยประมาณ 14,000 Dollars ภายในระยะเวลา … เดือน (หนึ่งปี หรือ ปีครึ่งโดยประมาณ )
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวเลขโดยคร่าวๆ ให้เข้าใจว่า การเปลี่ยนโรงเรียนใหม่ นั้นหมายความว่าต้องขอวีซ่าใหม่ ผลที่ตามคือ การต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินเรื่องใหม่ ลองคิดดูซิว่า เงินที่ได้จากการทำงาน Part time นั้นคุ้มกับการเปลี่ยนใหม่หรือไม่ ทั้งนี้อย่าเชื่อคำโฆษณาที่ว่า ทำง่าย ได้ชัวร์..!
Attendance! สำคัญไฉน
Attendance คือ การเช็คเวลาเข้าชั้นเรียน เมื่อถือวีซ่านักเรียนแล้ว เรื่องการเรียนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องเข้าเรียนให้ครบตามกำหนด ถ้าขาดเรียนจนคะแนน Attendance เหลือน้อย ทางโรงเรียนจะแจ้งไปทางอิมมิเกรชั่น และต่อจากนั้นอิมมิเกรชั่นก็อาจจะยกเลิกวีซ่านักเรียนได้ ซึ่งอาจส่งผลให้โดนแบนไปถึง 3 ปี
กรณีหนึ่งที่ เอเยนต์ จะน่ารักมากแนะนำว่า นักเรียนไม่ต้องกังวลสามารถทำงานได้ สามารถขาดได้ไม่ต้องห่วงเรื่อง Attendance ทางบริษัทคุยให้ได้ ทำให้นักเรียนไทยสนุกทำงานพิเศษ จนลืมว่าเวลาเรียน หรืออีกกรณีของนักเรียนไทยเอง อาจจะไม่ชอบวิชาที่ลงเรียนเลยไม่เข้าเรียนเลยก็มี ความเป็นจริงไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นักเรียนทุกคนต้องไปโรงเรียน ไม่ว่าจะด้วยอยากทำงาน ไม่ชอบการสอน หรือ รอเปลี่ยนวีซ่าก็ตาม
แม้โรงเรียนไม่แจ้งไป แต่ทางอิมมิเกรชั่นก็ทำงานเต็มที่ โดยการออกสุ่มตรวจร้านอาหารต่างๆ ที่นักเรียนภาษาชอบทำงานพิเศษกัน โดยจะตรวจวีซ่า เวลาการทำงานเกินที่กำหนดไหม และมาทำงานเวลาเรียนรึเปล่า งานเข้าเลยทีนี้ ใครก็ช่วยท่านไม่ได้เตรียมตัวเก็บเสื้อผ้ากลับไทยได้เลย
ข้อระวัง
- คะแนน Attendance ต้องไม่ต่ำกว่า 80%
- เวลาการทำงานเกินชั่วโมงที่กำหนด ทำงานได้ 40 ชั่วโมง/2 อาทิตย์
โลกนี้ไม่มีของฟรี
ด้วยการมาอาศัยอยู่ต่างบ้านต่างเมือง มันช่างหว่าเหว้ ก็อาจมีความรู้สึกที่ เมื่อ มีคนหยิบยื่น ความเมตตา ความใจดี อาจทำให้เรามองข้ามบางสิ่งไป
เช่นกรณี น้องBB ที่กำลังเตรียมเอกสารต่อวีซ่าเรียน Diploma กำลังให้ที่บ้านทำหลักฐานให้จากไทย แต่ได้รับความช่วยเหลือจากพี่Kop ที่เป็นคนคุ้นเคยและทำหน้าที่ช่วยเอเยนต์คอยดูแลน้องนักเรียนไทย ได้เสนอให้ยื่ม Bank statement เพื่อความสะดวกรวดเร็ว น้องBB ก็ดีใจมากเลยทำไมพี่ใจดีจัง
หลังจากยื่นเอกสารขอวีซ่าไปแล้ว พี่Kop แจ้งสรุปค่าใช้จ่ายในการดำเนินเรื่อง ซึ่งในนั้นมีค่ายื่ม Bank statement ด้วยนั้นเองถึง $500 คราวนี้ก็พูดกันไม่ออกเลย ซึ่งทำให้เห็นว่าของฟรีไม่มีในโลกจริงๆ
จากเหตุการณ์นี้ เลยได้ประสบการณ์ว่า ต้องกล้าที่จะถามออกไปเลยว่า สิ่งนั้นต้องเสียค่าใช้จ่ายไหม และที่สำคัญต้องมีการแจกแจงรายละเอียดค่าใช้จ่ายกันเสียก่อน
รายละเอียดต่างๆ เราไม่ควรแค่รับฟังจากแหล่งเดียว ควรศึกษาหาความรู้จากหลายๆ ที่ เพื่อเป็นเกราะป้องกันตัวเอง จากที่นำมาเล่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีอีกมากมายหลายปัญหาที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญ ถ้าเราทำถูกต้องตามกฎระเบียบ ไม่ใช่ทางลัด ก็จะไม่มีอะไรที่เราต้องกังวล เรียน เที่ยว อย่างมีความสุข
การเลือกเอเยนต์อย่างฉลาด
การจะมาเรียนต่อต่างประเทศ ก็ต้องเริ่มหาข้อมูล จะมีปรึกษาบริษัทตัวแทนหาคนไปเรียนต่อต่างประเทศนี้ ที่เรียกกันเข้าใจง่ายว่า Agency โดยเอเยนต์จะช่วยแนะนำ โรงเรียนที่เหมาะกับความต้องการ และงบประมาณของเราด้วย
แนะนำข้อมูลต่างๆ ทั้งราคา ที่อยู่โรงเรียน จัดการขั้นตอนการดำเนินเรื่องต่างๆ และเอเยนต์ที่ดีจะรู้กฎระเบียบตื้นลึกของหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของออสเตรเลียเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ บริษัทตัวแทนก็มีเยอะมากไม่แพ้กันเลย ทั้งที่มืออาชีพและมือสมัครเล่น สร้างความหวาดหวั่นแก่นักเรียนไทยไม่น้อย เนื่องจากมีข่าวการโดนหลอกออกมาอยู่เรื่อยๆ ดังนั้นวันนี้ซิดนีย์จะแนะนำการเลือกเอเยนต์แบบเบื้องต้น
1. จำไว้ว่าเราไม่จำเป็นต้องเสียค่าบริการแก่เอเยนต์ เพราะจะได้ส่วนแบ่งจากทางโรงเรียนอยู่แล้ว หรือ ถ้าเอเยนต์ที่มีการเรียกค่าบริการไม่ควรแพง (1-2 แสนบาท) ซึ่งที่จ่ายแพงๆ มีโอกาสสูงที่จะโดนหลอกแน่ๆ
2. ตรวจสอบประวัติ ชื่อเสียงเรียงนามของบริษัทผ่านเว็บไซด์ หรือหาคำคอมเมนทางพันทิป วิธีนี้แม้จะไม่ได้คำตอบชัดเจน เพราะแท้จริงชื่อผู้ดำเนินการหรือบริษัทนั้นเปลี่ยนกันได้ง่าย
3. เอเยนต์ที่ดีสามารถตอบคำถามได้อย่างชัดเจน และต้องแนะนำให้ทำถูกต้องตามกฎระเบียบของประเทศออสเตรเลีย
4. เอเยนต์ที่ดีไม่แนะนำทางลัด ไม่ขายฝันจนเวอร์ ไม่รับประกันผลวีซ่าผ่าน 100% ไม่มีใครกล้ารับประกัน เพราะเอเยนต์ไม่ใช่คนพิจารณาให้ผ่าน แต่เป็นหน่วยงาน Department of Immigration and Border Protection ต่างหาก ซึ่งในแต่ละปีก็จะมีเงื่อนไขปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม
*กระทรวงตรวจคนเข้าเมืองและรักษาดินแดน (Department of Immigration and Border Protection)
5. จะดีมากถ้าบริษัทมีสาขาทั้งในไทยและต่างประเทศที่กำลังจะไปศึกษาต่อ
6. เอเยนต์ไม่ใช่ตัวแทนจัดหางาน ดังนั้นหน้าที่ของนักเรียนที่จะต้องหางานตามความสามารถของเราเอง
7. การเก็บเอกสาร นักเรียนต้องขอเอกสาร หลักฐาน เก็บไว้ด้วยเสมอ
8. การจ่ายเงินต้องมีการแจกแจงรายละเอียด และแยกเป็นส่วนต่างๆ โดยจะไม่มีการจ่ายเงินรวดทีเดียวเป็นเงินก้อนใหญ่ และต้องมีใบเสร็จจากสถาบันที่เราลงทะเบียนเรียน เช่น คอร์สเรียนภาษา (ระยะสั้น-ยาว) จะจ่ายครั้งเดียว แต่คอร์ Diploma จะจ่ายเพียง 1 เทอมก่อน
9. บริษัทจะมีบุคคลเป็นตัวแทนเอเยนต์อีกทีหนึ่ง ที่คอยหานักเรียนส่งทางบริษัท ซึ่งขอแนะนำว่าอย่าทำผ่านตัวกลาง ให้คุยกับเอเยนต์เองโดยตรงเลยจะดีที่สุด กรณีนี้อาจไม่ถือว่าโดนหลอก แต่การที่ตัวแทนหลายต่อ นั้นก็จะมีการจัดเก็บค่าทำเนียม ก็แพงซิจ๊ะ
ความพยายามอยู่ที่ไหน ความใฝ่ฝันนี้ยังไม่เพียงพอ ต้องมีการเตรียมพร้อมที่ดีด้วย การศึกษาข้อมูลอย่างชัดเจน ไม่ใช่รู้แค่ครึ่งๆ กลางๆ และต้องมีความรอบคอบ เป็นสิ่งสำคัญ
บทความที่เกี่ยวข้อง
สมัคร เรียนต่อ Australia #Sydney ทำอย่างไร?