“ฟาร์ม” ต่างประเทศ จะเหมือน ฟาร์ม บ้านเราที่เมืองไทย ชีวิตความเป็นอยู่และการทำงานเป็นอย่างไร ฟังเรื่องเล่าจากประสบการณ์ตรงของคนไทยที่เคยไปทำงานช่วงปิดเทอมที่ ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย กันเถอะ
จากการที่ แซนดี้ ได้ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบน้องท็อป (นานๆ ที่ถึงจะได้เม้าท์มอยกัน) ได้รู้ว่าคราวนี้ช่วงปิดเทอม น้องท็อปได้ลองไปทำงานฟาร์ม วันนี้เลยจะไปจับหนุ่มท็อป มาคุยกันหน่อยซิ งานฟาร์มเป็นอย่างไรบ้าง
เรื่องเล่างาน ฟาร์ม ประสบการณ์ช่วงปิดเทอมฤดูหนาว
ทำอย่างไรถึงได้มา ทำงานฟาร์ม
ที่ได้มาทำงานฟาร์ม ได้คำแนะนำจากพี่เอเจนซี่นักเรียน เขารู้จักคนจะรู้จักคนเยอะมาก และรู้ด้วยว่าเด็กนักเรียนของเขาเรียนที่ใหนทำงานอะไร ทั้งที่ทำวีซ่าต่อกับเขา (สมัครเรียนต่อกับทางบริษัทเอเจนซี่) และไม่ได้ทำ เขาก็ยังมีข้อมูลเก่าๆ อยู่ และก็ยังติดต่อกันอยู่บ้าง
ซึ่งเอเจนแนะนำพี่ที่ผมสนิทลองไปทำงานฟาร๋มช่วงปิดเทอม แล้วพี่คนนี้ก็ชวน (ลาก) ผมไป ทำงานฟาร์ม ผมเลยไปกับพี่เขา ช่วงปิดเทอมหน้าหนาวเมื่อกี้นี้เอง
ฟาร์ม อะไร?
งานที่ผมไปทำเป็นฟาร์มองุ่นวาย เป็นช่วงตัดแต่งกิ่งพอดี ที่เขาเรียก พรุนนิ้ง (Pruning) แล้วได้มีโอกาสไปตัดแต่งกิ่งต้นโอลีฟด้วยอาทิตย์หนึ่ง
*นอกจากช่วงตัดแต่งกิ่งก็เป็นช่วงเก็บผล ช่วงนั้นก็จะหนักตามน้ำหนักของผลไม้
ช่วงนั้นมีอะไรให้ทำบ้างคะ (งานหนักไหม)
งานไม่หนักงานง่ายๆ สบายๆ ทำงาน 7.00 น โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น แต่ต้องตื่นตีห้า เตรียมตัวอาบน้ำแต่งตัว ทำกับข้าวเสร็จ แล้วออกเดินทาง 6.00 น. ไปถึงฟาร์ม 7โมงเช้า ก็เริ่มทำงาน
ช่วงนั้นเป็นฤดูหนาว อากาศหน้าหนาวที่ผ่านมาเช้าหนาวเย็นมาก ยอดหญ้าตอนเช้าเป็นน้ำแข็งเลยที่เดียว และช่วงสาย-บ่าย อากาศก็อุ่นๆ จนถึงร้อน
ขับรถชมหมอก ตอนเช้าก็สวยมากครับ
ฟาร์ม อยู่ไกลมากไหม
ไกลไหมเอาเป็นว่า คนที่ทำงานฟาร์มต้องมีรถเป็นของสวนตัว หรือไม่ก็ต้องอาศัยเขาไป แต่มันจะลำบากเขาไปรับไปส่ง เขาก็คิดค่าน้ำมัน วันละ 5-10 ดอล ต่อวัน
ข้อเสีย ของงานฟาร์ม คือ เป็นงานกลางแจ้ง ถ้าหนาว เราก็หนาว ถ้าร้อนเราก็ร้อน แต่ถ้าฝนตกเราจะหยุดพัก ถ้าตกทั้งวันเราก็ไม่ได้ไปทำงาน ขาดรายได้ (นี้ถ้าฝนตกทั้งสัปดาห์หรือนานกว่านั้นละก็…)
รายได้จากการทำงานฟาร์มเป็นอย่างไร
งานฟาร์มมี 2 แบบ
- แบบเหมาจ่าย แบบนี้รายได้ดีขึ้นอยู่ที่ฝีมือ ทำดีทำเร็ว บางคนทำ 250-300-450 ต่อวัน แต่แบบเหมาจ่าย จะมีค่าหัวคิว คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ มีตั้งแต่ 15 – 25 หรือมากกว่า เปอร์เซ็นต์แล้วแต่ที่ แล้วแต่นายหน้า แต่ละที่นายหน้าแต่ละฟาร์มไม่เหมือนกัน
- แบบงานราย ชม มีตั้งแต่ 17 -20 บาทต่อ ชม แล้วแต่นายหน้า แต่ละที่ ก็ไม่เท่ากัน
การกินอยู่เป็นไง
การกินอยู่ พวกผมที่ไปทำกันช่วงปิดเทอม เช่า คาราแวนนอน อาทิตย์ละ 100 ต่อคน บ้านคาราแวนหลังหนึ่ง มีสองห้องนอน สามเตียง หนึ่งลิวิ่ง 1ครัว 1ห้องน้ำ บางที่เช่าบ้านอยู่เป็นหลัง แล้วแชร์กันอยู่กับคนในฟาร์ม เพราะงานมันไม่มีตลอด เสร็จฟาร์มนี้ย้ายไปฟาร์มหน้า บางทีย้ายรัฐ งานส่วนมากอยู่นอกเมือง และฟาร์มกับที่พักส่วนมากห่างกันประมาณ 30นาที-1 ชม
โทรศัพท์กลับบ้านอย่างไร
โทรศัพท์กลับบ้านได้ไม่มีปัญหามีสัญญาณ มีสามจีสี่จี ยกเว้น โวดาโฟน Vodafone (แบรนด์เครือข่ายโทราศัพท์) จะไม่มีสัญญาณเวลาอยู่นอกเมือง ในเมืองก็พอเล่นได้บอกตรงๆ ไม่ชอบเครือค่ายนี้เลย (ก็มันแพงนะซิแบรนด์นี้) สำหรับผมใช้เครือขาย Telstra มีสัญญาณถึงนอกเมืองเลยครับ
ได้เงินเก็บบ้างไหน คิดว่าคุ้มหรือเปล่า ที่มาทำงานฟาร์ม
ช่วงที่ผมไปทำคือถือว่าคุ้ม ได้เป็นงานเหมาบ้าง งานชั่วโมงบ้าง สบับกันไป และได้นายหน้ากับหัวหน้างานที่ดี จ่ายเงินตรงเวลา ไม่ค่อยเลท
รายรับของผม หักเปอร์เซ็นต์ คือ สมมติ วันนี้ตัดต้นองุ่น ต้นละ 1 ดอล ได้100 ต้น เท่ากับรายรับ 100 ดอล แต่งานเหมา จะถูกหัก สมมติหัก 15 เปอร์เซ็นต์ วันนั้นก็จะได้ 85 ดอล
ราคาตัดแต่งกิ่งพุนนิ่ง มีตั่งแต่ 0.35, 0.40, 0.45, 0.50, 0.60, 0.70, 0.80 ตัดง่ายๆ คือ ราคา 0.35 เซ็นต่อต้น ตัดยากๆ คือ 1 ดอล ต่อต้น
สรุปว่าถ้าได้เหมาประมาณ $250 – 280 ต่อวัน แต่ถ้าคนที่เก่งๆ ชำนาญก็ได้ $300- 400 ต่อวัน แล้วแต่ความสามารถครับ แต่ขอย้ำว่างานเหมามันมีน้อย ไม่มีตลอด แป๊ปๆ หมดแล้ว
ซึ่งบางที คนมาทำงานโดนนายหน้าไม่จ่ายเงินบ้าง โกงเงินบ้างหักเงินนั้นนี่บ้าง เอาเปรียบบ้าง บางทีเจอพวกทำงานไม่มีวีซ่า เขาก็จะเอาเปรียบกดสุดๆ
ขอแนะนำว่า:
งานฟาร์มเป็นงานที่ต้องมีนายหน้าหางานเก่งๆ เพื่อไม่ให้เราขาดงานทำ เวลาหมดงานที่นี่ เราจะได้ไม่ต้องย้ายไปรัฐนั้นโน้นนี่ จะว่าไปงาน Farm เป็นงานที่เดินสายไปฟาร์มนั้นเอง จากที่สังเกตเห็นว่า คนที่มืออาชีพหน่อยเขาจะรู้ไงครับว่า หมดฟาร์มนี้จะไปที่ไหนต่อ เช่น หมด Farmองุ่นไป Farm เชอรี่ ไปอะไรต่อๆๆๆแบบนี้นะ เปลี่ยนฟาร์มไปเรื่อยๆ
สำหรับผมประสบการณ์แค่ 3-4 เดือนได้มาแค่นิดหน่อย ยังไม่รู้อะไรอีกเยอะ อันนี้เท่าที่รู้มาจากประสบการณ์ตัวเอง
ที่ฟาร์มมีคนชาติอื่นไหม
คนทำงานมีทั้งไทย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และพวกฝรั่งอย่างออสซี่ ไม่ได้มีแต่คนไทยครับ
มีอะไรจะแนะนำคนที่จะไปทำงาน Farm บ้างไหม
ใครจะไปทำงานก็ต้องดูนายจ้างดีๆ ทำงานก็ระวังโดนเอาเปรียบ ถ้าถูกเอาเปรียบมากๆ เราก็ควรจะแจ้ง แฟร์เวิร์ค Fair Work ไม่ให้เราโดนเอาเปรียบ พวกนี้เขา (นายจ้าง) จะกลัวมาก
อย่ามาทำแบบผิดกฏหมายเลยนะครับ ที่มาวีซ่านักเรียน หรือนักท่องเที่ยวแล้วสุดท้ายก็หนี ทำแบบหนีวีซ่าอันนี้ไม่แนะนำ มันทำให้เสียโอกาสคนไทยด้วยกัน บางคนตั้งใจมาเรียน บางคนมาเพื่อหาประสบการณ์ แต่ต้องถูกเหมารวมกับพวกนี้ทำให้วีซ่าผ่านยากและเสียโอกาศไปหลายอย่าง
“ส่วนนี้ แซนดี้เองก็เห็นด้วยในส่วนนี้นะ เพื่อคนไทยด้วยกันเราต้องช่วยกันรักษาชื่อเสียง เพราะถ้าคนไทยเราทำเสียชื่อ ทำผิดกันเยอะๆ ผลที่ตามมาคือ ประเทศเราติดแบล็กลิส ทำให้การที่จะมาเรียนและทำงานที่ประเทศนี้เป็นเรื่องยากขึ้นมีกฏอะไรมากมายออกกีดกั้น ยิ่งทำให้มากันยาก และคนที่อยู่ก็อยู่ลำบากขึ้นไปอีก อย่างไรวันนี้ ขอขอบคุณน้องท็อปมากๆ ที่มารีวิวการทำงานฟาร์มวันนี้นะคะ”
สำหรับคนที่ต้องการทำงานฟาร์มต้องทำอย่างไร เป็นคำถามที่พบบ่อยมาก ก็แนะนำว่า:
แนะนำ Working and Holiday Visa Australia ส่วนลายละเอียดก็ลองปรึกษาเอเจนอีกทีหนึ่ง Work and Holiday คือ โครงการแลกเปลี่ยนคอร์สระยะสั้น ทำงานชั่วคราว และท่องเที่ยว หาประสบการณ์ชีวิต และภาษาอังกฤษต้องดีด้วยนะ โดยวีซ่าถูกกฎหมายเป็นระยะเวลา 1 ปี ซึ่งต่อไปจะมีโอกาสเล่าเรื่อง Working and Holiday นะคะ
Fair Work Ombudsman มีหน้าที่:
• ให้คำแนะนำต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องกฎหมาย แรงงานของออสเตรเลีย
• จะตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมาย และสอบสวนการละเมิดกฎหมายแรงงานแห่งชาติ
• เผยแพร่ข้อมูลเรื่องสิทธิและหน้าที่ในสถานที่ทำงาน
ความทรงจำปิดเทอมฤดูหนาว
บทความที่น่าสนใจ
สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเดินทางมาซิดนีย์ สำหรับมือใหม่!
ออสเตรเลีย ประเทศฝรั่งจ้าในแถบเอเชีย